Skip links
View
Drag

Success Stories

“Automation Challenge” 
เวทีประลองไอเดียสู่การสร้างสรรค์ไอทีที่มีคุณค่า

พบกับกิจกรรม “Automation Challenge” กิจกรรมแรกภายใต้แคมเปญ “M Ground” เปิดเวทีให้พนักงาน MFEC ได้เข้ามาประลองไอเดียสู่การสร้างสรรค์เทคโนโลยีที่มีคุณค่า และช่วยกันค้นหาวิธีการทำงานที่สะดวกสบายยิ่งขึ้นเพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าทุกท่าน โดยเจ้าภาพแรกเป็นพนักงานของ MFEC ที่นั่งทำงาน On Site งานนี้พนักงาน MFEC ต่างก็ฟอร์มทีมเตรียมความพร้อมเพื่อลงแข่งขัน “Automation Challenge” กันอย่างคึกคัก และนอกจากการรวมทีมกันเองของพนักงาน MFEC แล้ว ยังมีเพื่อนๆ จากต่างบริษัทเข้ามาร่วมทีมลงแข่งขันด้วยเช่นกัน หลังจากที่พนักงานฟอร์มทีมกันเกิดขึ้น MFEC ก็ได้ผู้เข้าแข่งขันในกิจกรรม “Automation Challenge” ถึง 15 ทีมด้วยกัน โดยในรอบ Pitching Day นี้ผู้เข้าแข่งขันทุกทีมต่างก็ได้นำเสนอไอเดียสุดสร้างสรรค์กันอย่างไม่มีใครยอมใคร ด้วยใจที่อยากจะพัฒนา Solution ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า สร้างความหนักอกหนักใจให้กับเหล่าคณะกรรมการกันยกใหญ่ และในวันนั้นเองหลังจากที่ผู้เข้าแข่งขันได้รับฟังข้อเสนอแนะและคำแนะนำเพิ่มเติมจากเหล่าคณะกรรมการก็เกิดปรากฎการณ์การรวมทีมและร่วมมือกันเกิดขึ้น การแข่งขันในครั้งนี้ทำให้เรามองเห็นแล้วว่าผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดไม่ได้เข้ามาแข่งขันเพื่อคาดหวังชัยชนะสู่ตนเอง แต่เป็นการแข่งขันเพื่อค้นหาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าอย่างแท้จริง จากการรวมทีมกันเมื่อรอบ Pitching Day ทำให้ในรอบ Demo Day นี้เหลือผู้เข้าแข่งขันทั้งหมด 11 ทีมด้วยกัน แต่ละทีมได้นำคำแนะนำจากคณะกรรมการไปปรับใช้ในไอเดียของทีมตนเองกันอย่างเข้มข้น จนได้มาซึ่ง Solution ที่ดีที่สุดของแต่ละทีม ท้ายที่สุด MFEC ก็ได้ผู้ชนะในกิจกรรม “Automation Challenge” เป็นที่เรียบร้อย ด้วย DNA เดียวกันของพนักงานทุกคนจากคำว่า “Always Exceed Expectations” ทำให้ทุกคนต่างรับรู้ดีว่าความสำเร็จของการแข่งขันในครั้งนี้ไม่ใช่การได้รับชัยชนะหรือรางวัลสูงสุด แต่เป็นการที่ทุกคนได้มองเห็นเป้าหมาย และสามารถสร้างคุณค่าให้กับทุกงานที่ได้ทำ และด้วยใจที่อยากจะพัฒนา Solution ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าในครั้งนี้นับเป็นความสำเร็จที่แท้จริงของทุกคน งานนี้ได้รับเกียรติจากคุณเล้ง ศิริวัฒน์ วงศ์จารุกร (CEO, MFEC) เข้ามาร่วมพูดคุยและมอบรางวัลให้กับผู้เข้าแข่งขันซึ่งนอกจากจะเป็นพนักงานจาก MFEC เองแล้วก็ยังมีเพื่อนนักงานจากบริษัทอื่นเข้ามาร่วมทีมกันอีกด้วย เรียกได้ว่านอกจากกิจกรรมจะช่วยส่งเสริมให้ผู้เข้าแข่งขันได้พัฒนาศักยภาพของตัวเอง ได้ส่งมอบ Solution ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าแล้ว ยังทำให้ทุกคนได้รับมิตรภาพใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอีกด้วย

MFEC

MFEC

MFEC ร่วมกับ Cisco ผลักดัน Digital-First Strategy 
ด้วย Full-Stack Observability Solution

แม้คำว่า Digital Transformation จะได้รับการพูดถึงมายาวนาน แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มีองค์กรเพียงไม่กี่แห่งที่เริ่มลงมือนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจของตนเอง จนก้าวล้ำหน้าและยืนหยัดท่ามกลางสมรภูมิแห่งความไม่แน่นอน จนเมื่อทุกธุรกิจได้รับผลกระทบจากการเผชิญหน้ากับสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 อย่างต่อเนื่องไม่สิ้นสุด หรือว่ากำลังมีความต้องการพัฒนาองค์กร ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งนี้จึงทำให้คำว่า Digital Transformation ได้รับการพูดถึงอย่างมากอีกครั้ง และหลายบริษัทต่างเห็นพ้องต้องกันว่า นี่คือเวลาของความท้าทาย ที่ต้องเร่งปรับตัวเปลี่ยนแปลงนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาขับเคลื่อนธุรกิจอย่างจริงจังเสียที คุณศิริวัฒน์ วงศ์จารุกร CEO บริษัท เอ็ม เอฟ อี ซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFEC ผู้เป็นหัวเรือใหญ่ในการทำ Digital-First Strategy ให้ทั้งองค์กรตนเองและกลุ่มลูกค้า ได้คอยเน้นย้ำเสมอถึงความสำคัญของการTransformation ว่าการเตรียมตัวที่จะเปลี่ยนแปลงที่ดี ต้องมีทีมงานที่ถูกต้อง มีแผนกลยุทธ์ที่ชัดเจน แล้วจึงเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมมาช่วยเสริมให้การ Transform นั้นสำเร็จ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา MFEC พัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่องเพราะต้องการเพิ่มประสิทธิภาพและโอกาสการแข่งขันในตลาดให้สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น การปรับองค์กรโดยนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อแก้ไขกระบวนการธุรกิจ (Business Process) จะช่วยเสริมประสบการณ์ให้กับผู้ใช้และลูกค้า และยังช่วยให้การปรับการทำงานของพนักงาน (Workforce) ให้ต้นทุนต่ำลง เพื่อสามารถสร้างธุรกิจใหม่ หรือแพลตฟอร์มใหม่ในการต่อยอด ขยายไปยังธุรกิจอื่นต่อไปได้อีก แม้แต่ผู้นำด้านเทคโนโลยีระดับโลกอย่าง Cisco เองก็ตระหนัก และมุ่งเน้นการทำ Digital Transformation อยู่ตลอดเวลาเช่นกัน คุณทวีวัฒน์ จันทรเสโน กรรมการผู้จัดการ ซิสโก้ ประเทศไทย ได้แสดงความเห็นว่า ผลกระทบของวิกฤตการณ์ COVID-19 ที่ผ่านมาทำให้การดำเนินธุรกิจของแทบทุกองค์กรเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง การศึกษานำเอาเทคโนโลยีที่เหมาะสมเข้ามาเพิ่ม เพื่อขับเคลื่อนการปฏิบัติงาน และดำเนินธุรกิจ เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และอาจสังเกตเห็นได้ว่าในช่วงวิกฤตการณ์ที่ผ่านมา การพัฒนาของเทคโนโลยี และการนำเอาเทคโนโลยีไปใช้งาน จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วขึ้นมาก องค์กรใดที่มีเทคโนโลยีที่พร้อม มีความรวดเร็วในการตัดสินใจ และมีความยืดหยุ่นในการดำเนินธุรกิจ พนักงานก็สามารถปฏิบัติหน้าที่อย่างมีประสิทธิผล และรับมือกับการเปลี่ยนแปลง เช่นทาง Cisco เองที่มีเทคโนโลยีต่างๆ ให้สามารถทำงานในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการทำงานจากบ้าน 100% หรือทำงานแบบผสม (Hybrid) โดยมี WebEx ช่วยให้พนักงานสามารถสื่อสารกันหลากหลายรูปแบบ ทั้งการแชร์ไฟล์ และข้อความ แบบส่วนตัวและกลุ่ม รองรับการทำประชุมผ่าน Video Conferencing ทั้งส่วนตัวและจากห้องประชุม มีระบบ Security เพื่อป้องกันข้อมูลรั่วไหล เพื่อความมั่นใจของผู้ใช้ โดยเทคโนโลยีเหล่านี้เป็นระบบพื้นฐานที่ทาง Cisco มีให้ทุกคนอยู่ก่อนที่จะเกิด COVID-19 ดังนั้นจึงไม่ต้องมีการปรับตัวเปลี่ยนแปลงมากนัก ทุกคนสามารถขอระบบ CVO (Cisco Virtual Office) เพื่อทำงานที่บ้านได้ การเปลี่ยนแปลงของบริษัท Cisco มีอยู่ตลอดเวลา รวมถึงทางด้านผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มมากขึ้น มาถึงทุกวันนี้ Cisco ได้ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในบริษัทซอฟท์แวร์ที่ใหญ่ที่สุดของโลกไปแล้ว หนึ่งในซอฟท์แวร์ที่ MFEC และ Cisco มีวิสัยทัศน์ในการทำงานร่วมกันคือโซลูชัน Full-Stack Observability ที่สามารถตอบโจทย์ขององค์กรคือต้องมีเครื่องมือที่ช่วยทั้งการพัฒนา ตรวจสอบ สเกล ตลอดจนดีไซน์แอปพลิเคชันอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ทีมงานที่เคยแยกกันทำงานหลายๆ ทีม ทั้ง AppOps, InfraOps, NetOps และ SecOps สามารถมีเครื่องมือในการติดตามตรวจสอบและวิเคราะห์การทำงานของแอปพลิเคชันที่มีความซับซ้อน ทั้งระบบโครงสร้างของโปรแกรม การกระจายตัวของแอปพลิเคชันที่อยู่หลายระบบ Cloud การมี Security ที่ต้องดูแลหลายระดับ การมี

MFEC

MFEC

SMART LIFE – SMART METRO ชีวิตการเดินทางที่ไร้น้ำมัน

บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ (EA) ได้จัดพิธีลงนาม MOU ด้วยความร่วมมือระหว่างบริษัท พลังงานมหานคร, การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และพันธมิตรทางธุรกิจ จัดตั้ง “โครงการสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า” ภายใต้ชื่อ “EA Anywhere” นวัตกรรมใหม่ ที่จะเปลี่ยนแปลงการคมนาคมในประเทศไทยในอนาคต จากกระแสทั่วโลกที่ให้ความสำคัญในการแก้ปัญหามลพิษที่ปล่อยมาจากยานพาหนะที่ใช้น้ำมัน  ไม่ว่าจะเป็น ฝรั่งเศสที่ตั้งเป้าห้ามขายรถที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงภายในปี 2040 หรือแม้แต่ประเทศอังกฤษ วางแผนเตรียมเก็บภาษีมลภาวะจากรถยนต์ และประเทศไทยเองก็ให้ความสนใจที่จะพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าเพื่อลดมลภาวะทางอากาศ โดยเริ่มต้นติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้า EA  Anywhere เบื้องต้นตั้งเป้าหมายติดตั้งจุดบริการทั่วประเทศจำนวนทั้งสิ้น 1,000 สถานี ภายในปี 2561 ด้วยงบลงทุนรวม 600 ล้านบาท โดยสถานีอัดประจุไฟฟ้า EA  Anywhere นี้ เกิดขึ้นจริงอย่างสมบูรณ์แบบและพร้อมให้บริการแล้ว ที่อาคารจอดรถ Siam Paragon ชั้น GA NORTH และ Siam Car Park ชั้น GB รองรับการชาร์จได้พร้อมกันถึง 6 คัน ใช้ได้ทั้งรถยนต์ประเภทปลั๊กอินไฮบริดจ์ (Plug-in Hybrid Electric Vehicle : PHEV) และประเภทแบตเตอรี่ (Battery Electric Vehicle : BEV) ตัวสถานีถูกออกแบบให้ใช้งานง่าย และมีความปลอดภัยสูง ที่สำคัญสามารถใช้บริการชาร์จไฟฟ้าได้ฟรีไปจนถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2560 และขยายต่อเนื่องไปยังพื้นที่ของพันธมิตร เร็ว ๆ นี้

MFEC

MFEC

พระอินทร์ฟินเทคกับการใช้ Robotic Process Automation

บริการรับชำระเงินนับเป็นหัวใจสำคัญของการทำธุรกิจในยุค COVID-19 จากการทำธุรกรรมออนไลน์ที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว หรือแม้แต่ธุรกรรมที่ซื้อขายสินค้าหน้าร้านเช่นเดิมก็นิยมจ่ายเงินในช่องทางดิจิทัลกันมากขึ้นเพื่อลดความเสี่ยงการสัมผัสเงินสด พระอินทร์ฟินเทคเป็นบริษัทฟินเทคหนึ่งที่ให้บริการร้านค้าให้สามารถรับชำระจากหลากหลายช่องทาง ทั้งอินเทอร์เน็ตแบงกิ้ง, บัตรเครดิต, หรือช่องทาง Thai QR Payment ในชื่อบริการ ChillPay ในยุคที่ธุรกิจต้องเดินหน้าไปด้วยความเร็วสูง จุดเด่นของ ChillPay คือการโอนเงินเข้าสู่ร้านค้าภายในหนึ่งวันทำการไม่ว่าลูกค้าจะชำระจากช่องทางใดก็ตาม ความเร็วเช่นนี้ต้องการการตรวจสอบที่รอบคอบพร้อมๆ กับการทำงานอัตโนมัติเต็มรูปแบบเพื่อให้การชำระเงินถูกต้องครบถ้วนไปพร้อมกับรวดเร็วตรงเวลา ทางพระอินทร์ฟินเทคอาศัย Robotic Process Automation (RPA) เพื่อลดระยะเวลาทำงานซ้ำซ้อน เปิดทางให้เจ้าหน้าที่มีเวลาสอบทานความถูกต้องของธุรกรรมแทนที่จะเสียเวลาไปกับการคำนวณค่าและกรอกข้อมูลต่างๆ ด้วยตัวเอง แม้ว่าธุรกรรมจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องก็ตาม ผู้ค้าที่เป็นลูกค้าของ ChillPay มีการใช้บริการช่องทางชำระเงินหรือ Payment Channel ที่ตอบทุก Segment ของลูกค้า เช่นกลุ่มนักธุรกิจที่ชำระเงินผ่านบัตรเครดิต หรือกลุ่มเด็กที่เล่นเกมออนไลน์ ถือเป็นกลุ่มที่ไม่มีบัตรเครดิตแต่สามารถชำระเงินออนไลน์ผ่านทางตู้บุญเติม หรือเคาน์เตอร์ร้านสะดวกซื้อที่รองรับการจ่ายเงินสด เป็นต้น การใช้ช่องทางรับเงินที่หลากหลายทำให้ RPA เข้ามาเป็นตัวช่วยสำคัญ สามารถปรับตัวเข้ากับบริการต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย ทุกช่องทาง คุณเพิ่มบุญ เอี่ยมสุภาษิต ผู้ก่อตั้งพระอินทร์ฟินเทคกล่าวถึงการใช้งาน RPA  “บริการ Payment Gateway ของ ChillPay มีความเกี่ยวข้องกับองค์กรจำนวนมาก หลายบริการไม่ได้เปิด API อย่างเป็นทางการ ทำให้เดิมเราต้องอาศัยเจ้าหน้าที่มาดึงข้อมูลจากระบบภายใน คำนวณและตรวจสอบความถูกต้อง แล้วกรอกข้อมูลไปยังระบบภายนอกจำนวนมาก การใช้ RPA ทำให้กระบวนการเหล่านี้เป็นอัตโนมัติทั้งหมด เจ้าหน้าที่เข้ามาทำงานในตอนเช้าแล้วสามารถดูรายงานที่สร้างโดย RPA เพื่อยืนยันความถูกต้อง แล้วตรวจทานว่ากรอกข้อมูลไปยังระบบคู่ค้าถูกต้องหรือไม่ กระบวนการนี้ใช้เวลาน้อยลงมาก จากเดิมใช้เวลาหลายชั่วโมงเหลือเพียงวันละไม่เกิน 20 นาทีเท่านั้น” คุณธัญกมล ปิ่นทอง Financial and Budget Control Director ระบุว่า “การใช้งาน RPA นับเป็นองค์ประกอบสำคัญในการทำ Digital Transformation ขององค์กร องค์กรจำนวนมากไม่สามารถรอการสร้างระบบไอทีใหม่ๆ เพื่อให้ process ในธุรกิจกลายเป็นระบบอัตโนมัติได้ การใช้ RPA ที่ประสิทธิภาพสูงและใช้งานง่ายอย่าง UiPath เปิดทางให้เจ้าหน้าที่ทางธุรกิจสามารถปรับการทำงานของตัวเองเป็นการทำงานอัตโนมัติได้ทันที ทำให้เราลงทุนกับ UiPath เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการสนับสนุนองค์กรที่ต้องการทรานส์ฟอร์มองค์กรไปสู่การทำงานอย่างอัตโนมัติเต็มรูปแบบทุกส่วนขององค์กร” คุณธเนศ เชี่ยวชาญลิขิต Business Services Management Manager ระบุว่า “UiPATH นับเป็นผู้ผลิตซอฟต์แวร์ RPA ขั้นนำของโลกที่ MFEC ซัพพอร์ตอย่างต่อเนื่อง จนได้ Gold Partner ในปี 2020 ที่ผ่านมาและเราเชื่อว่า UiPath จะสามารถช่วยให้องค์กรต่างๆ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานทั้งองค์กรในระยะยาวได้ต่อไป” สนใจรับคำปรึกษาการปรับองค์กรไปสู่การทำงานอัตโนมัติเต็มรูปแบบติดต่อ email : ps-bsm@mfec.co.th  หรือ scan QR code ผ่านช่องทาง LINE OA

MFEC

MFEC

The New Lifestyle Banking ยกระดับความ Cool ด้วย SCB EASY

นาทีนี้คงหนีไม่พ้นความฮอตของฟังก์ชั่น “กดเงินไม่ใช้บัตร” จากธนาคารไทยพาณิชย์ ที่สามารถยึดครองพื้นที่สื่อทั่วฟ้าเมืองไทยกับการเปิดตัวสุดอลังการของโมบายแบงก์กิ้งแอปพลิเคชัน SCB EASY ที่ยกระดับความคูลเป็นเวอร์ชั่น 3.0 รองรับทั้งระบบ iOS และ Android ซึ่งออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้อย่างแท้จริง กับการลงทุนกว่า 4,000 ล้านบาท พัฒนา Digital Platform แอปพลิเคชัน SCB EASY ที่ #เป็นทุกอย่างเพื่อคุณ ด้วยเทคโนโลยีที่ดีที่สุด อาทิ Data Analytics Stack,  API Gateway และ Microservices Architecture ฯลฯ เพื่อระบบที่มีความปลอดภัยสูงสุด รองรับการเติบโตของผู้ใช้ ตลอดจนความเสถียรในการให้บริการ พร้อมก้าวขึ้นเป็น ผู้นำด้านดิจิทัลแบงกิ้งอันดับ 1 ของประเทศ และตั้งเป้าจำนวนลูกค้าผู้ใช้แอปพลิเคชันกว่า 8 ล้านราย จากปัจจุบัน 4 ล้านราย รวมถึงฟีเจอร์เด็ดที่สื่อต่างๆ พูดถึงใน แอปพลิเคชัน SCB EASY อาทิ Cardless ATM สามารถกดเงินสดได้โดยไม่ต้องใช้บัตร Easy App Protection ที่นอกจากระบบความปลอดภัยบนแอปพลิเคชัน ไทยพาณิชย์ยังสร้างความมั่นใจด้วยการคุ้มครองความเสียหายวงเงินสูงสุด 1 แสนบาท คุณธนา เธียรอัจฉริยะ รักษาการ Chief Marketing Officer ธนาคารไทยพาณิชย์ ยังกล่าวในงานถึงการเปิดตัวแอปพลิเคชัน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2560 ว่า “นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น ภายในสิ้นปีนี้จะยังมีฟีเจอร์ใหม่และความร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจในการนำเสนอบริการอื่น เพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง และด้วยสถาปัตยกรรมทางเทคโนโลยีใหม่ของเราจะทำให้เราสามารถเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ ในอนาคตได้อย่างรวดเร็ว” Why Microservices Architecture? ตลอดระยะเวลา 10 เดือนกับความมุ่งมั่นในการนำเทคโนโลยีระดับแนวหน้ามาใช้ในการพัฒนาแอปพลิเคชัน SCB EASY โฉมใหม่ในครั้งนี้ คุณธนา โพธิกำจร ผู้อำนวยการอาวุโส ผู้บริหารสายงาน Digital Banking ได้กล่าวถึงเหตุผลที่เลือกสถาปัตยกรรม  Microservices Architecture  เข้ามาเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาแอปพลิเคชัน ดังกล่าวว่า “ไม่ใช่แค่ดีระดับประเทศ แต่ดีที่สุดในโลก ด้วยโครงสร้างทางสถาปัตยกรรมที่จะแยกระบบบริการต่างๆ เป็นส่วนๆ เพื่อรองรับการขยายบริการที่สามารถเพิ่มเติมฟังก์ชั่นได้อย่างเป็นอิสระและไม่ซับซ้อน สามารถเลือกปรับปรุงเฉพาะส่วน ไม่ต้องมารวมทุกอย่างไว้ที่ศูนย์กลางเดียวเหมือนอย่างที่ผ่านมา” ทั้งนี้ ไทยพาณิชย์ย้ำชัดว่า การพัฒนาโมบายแบงก์กิ้งแอปพลิเคชัน SCB EASY ในครั้งนี้ เป็นเพียงก้าวแรกของการให้บริการทางการเงินที่ช่วยยกระดับภาพรวมและสร้างความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมการเงินธนาคารของประเทศให้ทันต่อการแข่งขันในยุคดิจิทัลที่คู่แข่งขันในตลาดไม่ใช่แค่ธนาคารด้วยกันเองอีกต่อไป ท้ายที่สุด MFEC ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งในทีมพัฒนาแอปพลิเคชัน SCB EASY และยังเป็นบริษัทพาร์ทเนอร์ของธนาคารไทยพาณิชย์ด้วยความสัมพันธ์อันยาวนานและอยู่เคียงข้างในทุกย่างก้าวแห่งความสำเร็จ ขอแสดงความยินดีกับเสียงตอบรับที่ดีจากการเปิดตัวแอปพลิเคชัน SCB EASY ด้วยยุทธศาสตร์สำคัญ ในการเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันเพื่อมุ่งสู่การเป็น The Most Admired Bank

MFEC

MFEC

รู้ยัง…บัตรเดบิตหายทำใหม่ง่ายๆ ผ่านมือถือ 7 วันส่งถึงบ้าน

K PLUS อันดับ 1 โมบายแบงค์กิ้ง   รางวัล “THE BEST MOBILE BANKING PROJECT” จาก The Asian Banker เป็นเครื่องการันตี ให้กับธนาคารกสิกรไทยในฐานะธนาคารยอดเยี่ยมด้าน Mobile Banking  และ MFEC ในฐานะผู้พัฒนา Application ที่ผ่านหลักเกณฑ์การพิจารณา ในเรื่องของข้อเสนอ  ความสะดวกในการสมัครใช้บริการ ประโยชน์ตามความต้องการของลูกค้า รวมไปถึงความปลอดภัย ทำให้ผลิตภัณฑ์มีอัตราการเติบโตที่โดดเด่น มีผู้ใช้งานสมาร์ทแอพพลิเคชั่นทางการเงินนี้ กว่า 3 ล้านราย เป็นข่าวดังเมื่อกลางปีที่ผ่านมา ล่าสุดทางแบงค์กสิกร ไม่หยุดเติมความ “ง่าย” ให้กับลูกค้าด้วยการเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ เพิ่มความสะดวกสบายในการออกบัตรเดบิต ตอบรับดิจิทัลไลฟ์สไตล์ ให้ลูกค้าสามารถสมัครบัตรเดบิตใหม่ผ่านแอพพิเคชั่น K-Mobile Banking PLUS โดยไม่ต้องไปสมัครที่สาขา เอาใจกลุ่มลูกค้าที่ต้องการจะสมัครบัตรใหม่ ต่ออายุบัตร หรือบัตรสูญหาย สามารถทำได้ทันที K PLUS  “ความง่าย” ที่น่าภูมิใจ MFEC ในฐานะบริษัทพาร์ทเนอร์ของธนาคารกสิกรไทย รู้สึกยินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการเติมเต็มความสะดวกสบายให้กับผู้บริโภค และได้รับความสนใจจาก  The Asian Banker  ทำการเก็บข้อมูลจากข่าวสาร ข้อเท็จจริงและความเคลื่อนไหว ของวงการ  Mobile Banking  ทั่วเอเชีย ก่อนพิจารณาความเหมาะสม ศึกษาวิธีการสมัครบัตรผ่าน K-Mobile Banking PLUS ได้ที่ https://www.kasikornbank.com/promotion/issue-debitcard-via-KMB อ่านข่าวรางวัล “THE BEST MOBILE BANKING PROJECT” ได้ที่ https://goo.gl/mpbHnC

MFEC

MFEC

ตีตั๋วขึ้น KAAN ผ่าน Panda Pass

ณ วันนี้คงจะปฎิเสธไม่ได้ว่า ปัญจลักษณ์พาสุข จำกัด คือ บริษัท Startup สายเอนเตอร์เทนเมนท์ที่ใหญ่ที่สุด และผลผลิตอย่าง KAAN ก็คือ ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของ Live Show สัญชาติไทยที่อัดแน่นด้วยเทคนิคระดับโลกหลากรูปแบบ ทำให้เชื่อได้ว่าไม่นาน “KAAN” จะกลายเป็นแลนมาร์คแห่งใหม่ใจกลางพัทยา ในขณะที่ “Panda Pass” หรือ Digital Ticket Platform จะขึ้นแท่นเป็นระบบจองตั๋วดิจิทัลน้องใหม่ไฟแรงภายใต้คอนเซ็ปต์ ซื้อง่าย จ่ายคล่อง รองรับการทำงานลักษณะ Member Card, Loyalty Card ในอนาคต New experience for digital ticket Panda Pass เปิดตัวเป็นที่รู้จักในฐานะตัวแทนจำหน่ายบัตรออนไลน์เข้าชม KAAN Show มาครบทั้งตู้ KIOSK และ Automatic Gate รวมถึง RFID Card โดยที่มาที่ไปของระบบจำหน่ายตั๋วน้องใหม่รายนี้ เริ่มต้นจากแนวคิดการสร้างธุรกิจรูปแบบ Co-Investment, Revenue Sharing ของทีมผู้บริหาร MFEC  มุ่งเปลี่ยนมุมมองลูกค้าเป็น Business Partner เน้นการสร้างความเชื่อมโยงในการให้บริการข้ามธุรกิจได้สะดวก และง่ายยิ่งขึ้น MFEC ส่ง Panda Pass ลงสนาม DIGITAL TRANSFORMATION ในยุคที่ดิจิทัลครองเมือง ความท้าทายหนึ่งที่เหล่าผู้ประกอบการทั้งรายย่อยและรายใหญ่ต่างต้องเผชิญคือ แนวทางการปรับตัวอย่างไรให้รอดจาก “Disruptive Technology” และเมื่อปรับตัวได้แล้ว จะใช้เครื่องมือใดมาสร้างโอกาส สร้างการแข่งขันทางธุรกิจ รวมถึงแนวทางการปลดแอกจากการบริหารแบบ “ยึดติด” ไม่ว่าจะเป็นการยึดติดกับกลุ่มลูกค้าเดิมๆ ยึดติดกับสินค้าหรือบริการตัวใดตัวหนึ่งที่เคยทำเงินมหาศาลให้กับองค์กร ซึ่งการยึดติดแบบนั้นมักทำให้คุณต้องสูญเสียโอกาสทองทางธุรกิจไปอย่างน่าเสียดาย จากข้อมูลข้างต้น MFEC ในฐานะบริษัทไอทีชั้นนำของเมืองไทย ได้จัดตั้งทีมงาน Digital Transformation Services ไว้รองรับสำหรับธุรกิจที่ต้องการใช้ศักยภาพของเทคโนโลยีในการเปลี่ยนแปลงการให้บริการ ช่วยคิดค้นนวัตกรรมสินค้า และนวัตกรรมโมเดลทางธุรกิจ เพื่อปฏิรูปองค์กรของลูกค้า ให้เกิดความแตกต่างไม่ว่าจะเป็นความต่างทาง Technology หรือความต่างในการสร้างความสัมพันธ์ทางการตลาดหรือ Demandใหม่ๆ ระบบ Digital Ticket Platform – Panda Pass >> www.pandapass.asia Kaan Show  >> www.kaanshow.com ติดตามความเคลื่อนไหว MFEC Society ได้ที่ https://www.facebook.com/MFECCareer/

MFEC

MFEC

สิ้นสุดเวลาเช้าชามเย็นชาม ด้วยตัวชี้วัดและการประเมินผล สํานักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.)

ด้วยยุทธศาสตร์ไทยแลนด์ 4.0 ของรัฐบาล  แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ตลอดจนความต้องการยกระดับศักยภาพบุคลากรส่งผลให้สํานักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ หรือ สำนักงาน ก.พ.ร. เดินหน้าครั้งสำคัญ นำระบบรายงานและประเมินผลส่วนราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ที่มีตัวชี้วัดเป็นพระเอกออกมาใช้ สุนทรี สุภาสงวน ผู้ช่วยเลขาธิการ ก.พ.ร. กล่าวว่า ก.พ.ร. มีหน้าที่ดูแล ส่งเสริมและพัฒนาหน่วยงานราชการส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และองค์การมหาชน รวมกว่า 200 หน่วยงาน การนำ “คำรับรองการปฏิบัติราชการ”  และ “การรายงานผลการปฎิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์” มาใช้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นตัวช่วยในการบรรลุเป้าหมายของผลงาน “สมัยก่อนหน่วยงานต่างๆ รายงานกันเข้ามาเป็นกระดาษ ทุกสิ้นปี สำนักงาน ก.พ.ร. แทบล่ม เต็มไปด้วยเอกสารจำนวนมหาศาล ช่วงหลังเราเลยจับมือกับผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและสารสนเทศอย่าง  MFEC  พัฒนาระบบการรายงานผลการประเมิน  เปลี่ยนจากรายงานบนแผ่นกระดาษมาสู่ระบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งรวดเร็วและมีมาตรฐานกว่าในอดีตมาก” ทั้งนี้นอกจากคำรับรองการปฏิบัติราชการที่ทำหน้าที่คล้ายกับสัญญาข้อตกลงในการพัฒนาแล้ว สิ่งสำคัญในการเดินหน้าอย่างมีเป้าหมาย คือ การกำหนดตัวชี้วัดที่ชัดเจน เกิดประโยชน์ และส่งเสริมการพัฒนาของประเทศตามแนวยุทธศาสตร์ชาติมากที่สุด “ตัวชี้วัดแต่ละหน่วยงานนั้นแตกต่างกัน  ตัวอย่างเช่น กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา วัดจากเม็ดเงินที่นักท่องเที่ยวใช้จ่าย กระทรวงพาณิชย์ วัดจากปริมาณส่งออกข้าว กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วัดผลจากงานเรื่องวิจัย สำนักนายกรัฐมนตรี วัดผลจากการจัดการเรื่องร้องเรียน กรมควบคุมมลพิษ วัดผลจากการลดปริมาณฝุ่นละอองในอากาศ คุณภาพแหล่งน้ำที่ดีขึ้น และปริมาณขยะที่ลดลง ศูนย์ปฏิบัติการนายกรัฐมนตรี วัดจากการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชนที่มีต่อการดำเนินงานของรัฐ หรือกระทรวงสาธารณสุขที่ตัวชี้วัดขึ้นอยู่การลดปัญหาโรคสำคัญต่างๆ” สุนทรี กล่าวว่า การกำหนดตัวชี้วัด เริ่มจากปรึกษากับกระทรวงหรือหน่วยงานต้นทาง เพื่อกำหนดเป้าหมายและทิศทาง โดยมีกรอบสำคัญอย่าง ยุทธศาสตร์ชาติ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ตลอดจนแผนแม่บทอื่นๆ รองรับ “กำหนดเป้าหมาย คัดกรองออกมาเป็นตัวชี้วัดหลัก สิ้นปีจะมีการรายงานและประเมินผลซึ่งกำหนดเกณฑ์การวัดระดับความสำเร็จตั้งแต่ 1-5 โดยความสำเร็จคิดจากคุณภาพและปริมาณ ซึ่งผลประเมินจะกลายเป็นตัวสะท้อนการทำงานของข้าราชการและพนักงานที่ผ่านมาตลอดทั้งปี” ทั้งนี้ นอกจากตัวชี้วัดของกระทรวงแล้ว ยังมีตัวชี้วัดร่วมระหว่างกระทรวงด้วย เนื่องจากการพัฒนาต้องมีความเกี่ยวเนื่องกันหลายฝ่าย ตัวอย่างเช่น ในแง่การท่องเที่ยว กระทรวงวัฒนธรรมอาจต้องเข้ามาร่วมในการพัฒนาคุณภาพแหล่งท่องเที่ยว กรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบทต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างออกแบบเส้นทางให้มีความพร้อม ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็จำเป็นต้องเข้ามาดูเรื่องความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว ทั้งหมดจะถูกนำมาคำนวณร่วมกัน คำถามสำคัญคือ พลังของผลประเมินนั้นจะมีมากน้อยเพียงไร ผู้ช่วยเลขาธิการ ก.พ.ร. บอกว่า “ผลคะแนน” เป็นการพิสูจน์ตัวเอง เพื่อนำไปสู่การปรับปรุงแก้ไข ยกระดับคุณภาพของหน่วยงานต่อไป “เปรียบเสมือนท่าว่ายน้ำ มีทั้งท่ายาก ท่าง่าย กระทรวงบางแห่งอย่างกระทรวงการคลัง แน่นอนว่า นอกจากความสามารถของบุคลากรแล้วยังต้องเผชิญหน้ากับปัจจัยความไม่แน่นอนอื่นๆ ทั้งในและต่างประเทศเพื่อเดินไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ด้วย อย่างไรก็ตาม ตัวชี้วัดนั้นมีประโยชน์ต่อการพัฒนามาก  ผลของมันวันนี้มีผลต่อการกำหนดอนาคตให้ดียิ่งขึ้น” ผู้ช่วยเลขาธิการฯ ทิ้งท้ายว่า โลกปัจจุบันและความสามารถของเทคโนโลยี กำลังผลักดันให้เหล่าข้าราชการต้องปรับตัว และให้ความสำคัญกับตัวชี้วัดมากขึ้น เพื่อยกระดับความก้าวหน้าของตนเองและประเทศชาติ ขณะที่ ก.พ.ร. เองก็จะพยายามเร่งพัฒนา สร้างตัวชี้วัดที่สะท้อนความเป็นจริงสื่อถึงเป้าหมายของการปฎิบัติงานมากที่สุด เนื่องจากเข้าใจดีว่า การบริหารงานที่ขาดตัวชี้วัดหรือมีตัวชี้วัด ที่ไม่เหมาะสมจะทําให้ผู้บริหารและบุคลากรไม่ทราบข้อเท็จจริงหรือปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งอาจจะนําไปสู่ความล้มเหลวของการดําเนินงานได้ “หน่วยงานไหนที่ต่ำกว่ามาตรฐาน ก็จำเป็นต้องทำแผนปรับปรุง  เปลี่ยนภาพเช้าชามเย็นชาม ไม่ได้ทำงานไปวันๆ แต่คิดถึงผลลัพธ์ในการดำเนินงานเสมอ” สุนทรี กล่าว

MFEC

MFEC

Tags

Venture Lab คว้ารางวัลที่ 1 ในการแข่งขัน Workplace Crisis Hackathon 

ร่วมแสดงความยินดีกับ Venture Lab บริษัทลูกของ MFEC ที่ชนะการแข่งขันในกิจกรรม Workplace Crisis Hackathon ซึ่งจัดโดย PMAT x SOOK (สสส.) เมื่อวันที่ 2-3 ตุลาคม ที่ผ่านมา โดยมีตัวแทนที่เข้าร่วมการแข่งขันอย่าง คุณเมทีนี โกวิรุฬห์สกุล และ คุณศิวัช โพธิ์ไทร ภายใต้การนำของ Head of Venture Lab คุณตูน โชติมา สิทธิชัยวิเศษ ส่งผลให้ทีมคว้ารางวัลที่ 1 ผ่านโปรเจกต์ Listeny ภายใต้คอนเซ็ปต์ AI for HR (Artificial Intelligence for Human Resources) ที่จะเข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระของแผนกทรัพยากรมนุษย์ในการดูแลสุขภาพจิตของพนักงาน ตัวแทนทั้งสองของ Venture Lab กล่าวว่า “ทุกวันนี้หลาย ๆ บริษัทก็กำลังเผชิญหน้ากับความเครียดของพนักงานที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จากการทำงานที่บ้านและการมีปฏิสัมพันธ์ที่ลดลงกับสมาชิกในองค์กร ทีมของเราจึงคิดไอเดียเพื่อช่วยให้ HR รับรู้ถึงสถานะทางความเครียดของพนักงานได้ทันท่วงที และนำไปต่อยอดในการแก้ไขปัญหาต่อไป” โดยคุณตูน โชติมา ได้เสริมในภาพใหญ่ว่า “Venture Lab พร้อมสนับสนุนให้คนรุ่นใหม่ได้ก้าวเข้าสู่วงการ Startup มากยิ่งขึ้น เพื่อสร้างนวัตกรรมทางด้านเทคโนโลยีต่าง ๆ ผ่านทั้งการร่วมสร้างและร่วมลงทุน” ติดตามโซลูชันและผลงานอื่น ๆ จาก Venture Lab เพิ่มเติมได้ที่: https://www.venturelab.tech/ #MFEC#Venturelab#Hackathon#Startup#PMAT#SOOK

MFEC

MFEC

Tags

MFEC ก้าวกระโดดขึ้นสู่ Diamond Partner 
ระดับสูงสุดจาก UiPath ใน RPA Solutions

MFEC ร่วมกับ UiPath เสนอ Robotic Process Automation (RPA Solution) เข้าไปช่วยลดการทำงานซ้ำๆ และปรับการทำงานเหล่านั้นให้เป็นรูปแบบอัตโนมัติมากยิ่งขึ้น สืบเนื่องจากในเดือนมกราคม 2021 ที่ผ่านมา บริษัท MFEC ได้รับการรับรองให้เป็น Authrorized Gold Partner และได้รับรางวัล Best Automation Program Management Partner 2020 แต่ผ่านไปเพียงไม่นาน เนื่องจากการให้บริการที่ดี และความสามารถในการสร้างความไว้วางใจในการพัฒนา RPA Solution ให้กับลูกค้าได้ ทำให้ต่อมาในเดือนสิงหาคม 2021 นี้ MFEC ได้ถูกยกระดับให้เป็น “Authrorized Diamond Partner” เป็นการรับรองและยืนยันว่าบริษัท MFEC มีความพร้อมในการพัฒนากระบวนการอัตโนมัติ และเพียบพร้อมด้วยทีมงานที่มีศักยภาพและประสบการณ์ที่สามารถทำให้ลูกค้าพึงพอใจ รวมถึงได้รับประสบกาณ์ที่ดี จากการนำ RPA Solution มาช่วยขับเคลื่อนธุรกิจได้อย่างประสบผลสำเร็จและมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้เรายังได้สร้างแหล่งความรู้ดีๆอย่าง Automation Classroom ใน YouTube และบทความดีๆใน Medium เพื่อเป็นการส่งเสริมการเรียนรู้ให้กับบุคคลทั่วไปที่สนในการทำงานของ RPA Automation Classroom : https://bit.ly/3zyZdf3Medium #MFECRPA : https://bit.ly/3jAXTCI ทั้งนี้ หากท่านใดสนใจข้อมูลของ RPA Solution สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ ps-bsm@mfec.co.th #MFECxUiPath#MFEC#DiamondPartner#Uipath#RPA

MFEC

MFEC