Skip links
View
Drag

IIoT Solution and Smart- X Solution

บริการเทคโนโลยี IoT ที่เลือกได้ตามความต้องการของทุกภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม
พร้อมมุ่งสู่เป้าหมาย Smart City : Next Generation ในอนาคต

เทคโนโลยี Internet Of Things (IoT) สำหรับโรงงานอุตสาหกรรม

ตัวช่วยในการต่อยอดระบบควบคุมเครื่องจักรที่ใช้ผลิตในโรงงานแบบดั้งเดิม โดยนำข้อมูลที่ได้จากเครื่องจักรในโรงงานส่งมารวมที่ศูนย์กลางและแสดงสถานะข้อมูลให้กับผู้เกี่ยวข้องผ่านบนมือถือ คอมพิวเตอร์ และจอมอนิเตอร์แบบทันทีทันใด ซึ่งเป็นการรวมหลายระบบเข้ามาร่วมกันให้ทำงานอย่างต่อเนื่องสอดประสานกัน ทั้ง Sensor Hardware Platform และ Mobile Application

Our Solutions

Sensors

เทคโนโลยี IoT เป็นการนำข้อมูลจาก Sensors ต่าง ๆ ซึ่งมีข้อมูลขนาดเล็กแต่มีปริมาณมาก และมีความถี่ในการส่งข้อมูลมาก ซึ่งโดยประเภทของ Sensors มีหลากหลายแบบ หลากหลายคุณภาพ การเลือกใช้ Sensors ให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์เป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งทีมงานได้มีการ วิจัย และ พัฒนา Sensors ในแบบต่าง ๆ ตามความเหมาะสม ทั้งด้านคุณภาพ และราคา เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า

Communication

การติดต่อสื่อสารจากอุปกรณ์ Sensors มายังแหล่งเก็บข้อมูลก็เป็นเรื่องสำคัญ เพราะในสภาพแวดล้อมการทำงานจริงมักจะมีข้อจำกัดของการสื่อสาร และพลังงานอยู่เสมอ ซึ่ง Module IoT ของ MFEC ได้รองรับรูปแบบการติดต่อสื่อสารได้หลากหลายรูปแบบ ทั้ง NB-IoT, LoRa, WiFi, BLE, RS-232, RS-484, Dry Contact และ Modbus เป็นต้น

Platform

คลังเก็บข้อมูลจาก Sensors สำหรับ IoT จำเป็นต้องมีการออกแบบให้รองรับข้อมูลปริมาณมาก แต่มีขนาดของข้อมูลที่เล็ก จึงจำเป็นต้องมีการใช้คลังเก็บข้อมูลแบบพิเศษที่ออกแบบมาให้เหมาะสมกับการเก็บข้อมูลประเภท IoT และต่อขยายไปในส่วนของ BIG DATA เพื่อต่อยอดไปในเรื่องของการนำเอาเทคโนโลยี AI มาเสริมศักยภาพของระบบ เช่น การคาดการณ์เหตุการณ์ การบำรุงรักษาเครื่องจักรในอนาคต Predictive Maintenance (PdM)

Application

หลังจากที่มีข้อมูลแล้วก็ต้องมีการนำเสนอข้อมูลดังกล่าวได้อย่างเหมาะสม และอย่างรวดเร็ว การพัฒนาโปรแกรมบนมือถืออัจฉริยะ (Smart Phone) รวมไปถึงการแจ้งเตือนข้อมูลเมื่อเกิดข้อผิดพลาดกับโรงงาน หรือเครื่องจักรได้อย่างทันทีทันใด ผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น Line, Massager, Email, SMS และ App Notification

Frankenstein Machine Monitoring / Environment monitoring

ปรับปรุงสิ่งที่มีอยู่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่องค์กร และเพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิต อย่างการปรับปรุงเครื่องจากออฟไลน์ไปยังออนไลน์ บูรณาการเครื่องจักรแต่ละเครื่องเพื่อใช้งานบนแพลตฟอร์มอื่น เพื่อทำให้มีการติดตามสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ องค์กรได้ตลอดจนผลกระทบต่อระบบอื่น จึงต้องเน้นคุณภาพผลิตภัณฑ์จากเครื่องจักร และจำเป็นต้องมีการติดตามแบบเรียลไทม์

ประโยชน์ของ Frankenstein Monitoring

กิจกรรมเก็บข้อมูลในการผลิตเป็นจุดเริ่มต้นของการทำงานโรงงานอัจฉริยะ (Smart Factory) แต่การเก็บข้อมูลนั้นต้องอาศัยคน เวลา การจัดเก็บที่ยุ่งยาก ระบบ Frankenstein monitoring จะเข้ามาช่วยให้ผู้ประกอบการเก็บข้อมูลได้ง่ายขึ้น ข้อมูลถูกต้องและแม่นยำ และนำข้อมูลมาทำกิจกรรมปรับปรุงคุณภาพในไลน์การผลิตได้อย่างไม่สิ้นสุด

ลดเวลา และแรงงานในการเก็บข้อมูล

เพราะระบบ Frankenstein monitoring สามารถดึงข้อมูลจากเซนเซอร์หรือเครื่องจักรได้โดยตรง ไม่จำเป็นต้องใช้คนเดินจด ข้อมูลเป็นรูปแบบดิจิทัลไม่ต้องนำไปคีย์ในระบบอื่น ๆ อีกต่อไป

ลดเวลา และแรงงานในการเก็บข้อมูล

เพราะระบบ Frankenstein monitoring สามารถดึงข้อมูลจากเซนเซอร์หรือเครื่องจักรได้โดยตรง ไม่จำเป็นต้องใช้คนเดินจด ข้อมูลเป็นรูปแบบดิจิทัลไม่ต้องนำไปคีย์ในระบบอื่น ๆ อีกต่อไป

ลดต้นทุนการดำเนินงานและของเสีย

ในกระบวนการผลิตนั้นมีค่าความสูญเสียอยู่มากมาย ซึ่งบางครั้งผู้ประกอบการอาจมองไม่เห็น เช่น ต้นทุนด้านไฟฟ้า การหยุดการผลิตของเครื่องจักร ความสูญเสียด้านเวลา ของเสียที่เกิดขึ้นในแต่ละไลน์การผลิต ซึ่งกิจกรรมปรับปรุงคุณภาพจากข้อมูลที่ถูกต้อง จึงเป็นสิ่งที่ทำให้โรงงานสามารถลดต้นทุนการดำเนินงานได้อย่างประสบผลสำเร็จ

Key Feature and Edition

Frankenstein Monitoring รองรับการติดตั้งได้ในหลากหลายลักษณะตามประเภทของผู้ใช้งานโดยแบ่งได้เป็น

รองรับการใช้งานกับเครื่องจักรกลอุตสาหกรรมขนาดกลาง-ใหญ่ ในโรงงานอุตสาหกรรมทุกประเภท ทั้งในอุตสาหกรรมพลาสติก อุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมน้ำดื่ม แม่พิมพ์งานโลหะการ และอื่น ๆ
รองรับการใช้งานในเครื่องจักรกลขนาดใหญ่ ใช้ไฟฟ้ามาก กลุ่มอาคาร โรงงานอุตสาหกรรม และเมืองอัจฉริยะ เพื่อติดตามการใช้ไฟฟ้าและแปลงข้อมูลมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดเพื่อประหยัดพลังงาน
เหมาะสำหรับติดตั้งในนิคมอุตสาหกรรม และเมืองอัจฉริยะ เพื่อเก็บข้อมูลสภาพแวดล้อม มลภาวะ การจราจร ความหนาแน่นของคน เพื่อนำมาพัฒนาให้คนมีสุขภาวะที่ดีและพัฒนาคุณภาพชีวิต

Frankenstein OEE (Overall Equipment Effectiveness)

คือตัวชี้วัดประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องจักร
โดยภาพรวม ประกอบด้วย 3 ตัวแปร

ความพร้อมอัตราเดินเครื่องจักร (Availability)

ประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องจักร (Performance)

อัตราคุณภาพชิ้นงาน (Quality)

ประโยชน์ของ Frankenstein OEE

ผู้ประกอบการจำเป็นต้องวางแผนการใช้งานเครื่องจักรให้มีกำลังการผลิตที่เต็มเวลา รวมถึงการบำรุงรักษาเครื่องจักรที่สม่ำเสมอ ซึ่ง Frankenstein OEE จะมาช่วยผู้ประกอบการได้ดังนี้

บำรุงรักษาอย่างตรงจุด เพื่อให้เครื่องจักรทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ และใช้งานได้อย่างยาวนาน โดยแบ่งเป็น 2 ประเภท

บำรุงรักษาเชิงป้องกัน (Preventive) สามารถประมวลผลความเร็วการผลิตมาตรฐานกับความเร็วที่สูญเสียไป (Net operation time)

บำรุงรักษาเพื่อแก้ไข (Corrective) ปัญหาเครื่องจักรหยุดกระทันหัน (Unplan Downtime) ระบบจึงสามารถเก็บข้อมูลเวลาที่สูญเสีย และสาเหตุของปัญหาจากหน้างาน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำในอนาคต

ควบคุมการทำงานให้เป็นไปตามแผน เพื่อทำให้แผนการผลิตบรรลุเป้าหมายในแต่ละวัน จำนวนชิ้นงานที่ผลิตได้ (Output) เวลาที่ใช้ในการตั้งงานผลิต (Setup time) คุณภาพของชิ้นงาน (Quality)

เพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสารด้วยข้อมูลที่ดี โรงงานที่สามารถดำเนินการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ เก็บข้อมูลแผนการผลิตร่วมกับเซนเซอร์ (Sensor) ในเครื่องจักร เพื่อให้ข้อมูล OEE แสดงให้เห็นถึงความสูญเสียในการผลิตทั้ง 3 ตัวแปร

ตัวช่วยในด้านการตัดสินใจลงทุน (ROI) เพื่อให้เกิดการใช้ทรัพยากรทั้งเครื่องจักร และอุปกรณ์อย่าคุ้มค่าในโรงงาน ข้อมูลประสิทธิภาพเครื่องจักร (Performance) เมื่อวิเคราะห์ร่วมกับงบการเงิน ข้อมูลทั้งหมดสามารถช่วยผู้ประกอบการตัดสินใจลงทุนเครื่องจักรได้อย่างถูกต้อง

บำรุงรักษาอย่างตรงจุด เพื่อให้เครื่องจักรทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ และใช้งานได้อย่างยาวนาน โดยแบ่งเป็น 2 ประเภท

บำรุงรักษาเชิงป้องกัน (Preventive) สามารถประมวลผลความเร็วการผลิตมาตรฐานกับความเร็วที่สูญเสียไป (Net operation time)

Key Feature and Edition

Frankenstein OEE รองรับการใช้งานได้ในหลากหลายเครื่องจักร อาทิ เครื่องฉีดพลาสติก (Injection molding) เครื่องปั้มชิ้นงาน (Press and die) เครื่องเอ็กทรูเดอร์ (Extruder) เครื่องพิมพ์อุตสาหกรรม (Industrial printing) และอื่น ๆ

Frankenstein PMRP

PMRP (ระบบบริหารแผนการผลิต และจัดการวัตถุดิบ) การที่จะสามารถผลิตได้ตามปริมาณที่กําหนดไว้ต้องอาศัยทรัพยากร 4 อย่าง วัตถุดิบ แรงงาน เครื่องจักรอุปกรณ์ และวิธีการผลิต เป็นทรัพยากรมีอยู่อย่างจํากัด จึงต้องวางแผนใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ดังนั้นการวางแผนจัดการด้านกําลังการผลิตดําเนินการเกี่ยวกับขนาดของโรงงานหรือสถานที่ทําการผลิต จํานวนเครื่องจักรอุปกรณ์ ตลอดจนจํานวนคนงานที่เหมาะสม จึงเป็นภาระงานสําคัญของการบริหารการผลิต

ประโยชน์ของ Frankenstein PMRP

ผู้ที่เกี่ยวข้องในโรงงานหลาย ๆ ส่วนจำเป็นต้องวางแผนการผลิตร่วมกัน และสื่อสารกันอย่างมีประสิทธิภาพ ระบบ PMRP จึงเป็นระบบที่ช่วยให้การวางแผนการผลิตมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นดังนี้

ลดค่าใช้ด้านแรงงานที่ไม่จำเป็น แผนการผลิตที่มีประสิทธิภาพช่วยลดจำนวนแรงงานที่ใช้ในแต่ละช่วงเวลา และลดงานที่ไม่จำเป็นให้กับแรงงาน

ลดปริมาณสินค้าคงคลัง คำนวณปริมาณสำรองวัตถุดิบที่ต้องใช้ในการผลิต ลดปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบ และควบคุมต้นทุนวัตถุดิบให้จัดซื้อด้วยต้นทุนที่สมเหตุสมผล

เพิ่มประสิทธิภาพไลน์การผลิต และเครื่องจักร ลดปัญหาการเกิดหยุดชะงักทั้งหมดจากปัญหาคอขวดในกระบวนการผลิต ณ จุดใดจุดหนึ่ง จนเกิดความล่าช้าโดยรวม

เพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสารด้วยข้อมูลที่ดีถูกต้อง และปรับเปลี่ยนได้อย่างรวดเร็ว ระบบมีฐานข้อมูลกลางที่มีการดึง และส่งข้อมูลตามเวลาจริง (Real time Database) เชื่อมโยงข้อมูลได้จากหลายฝ่าย

Key Feature and Edition

PMRP เป็นระบบที่สามารถขยายการใช้งานได้เพิ่มขึ้นตามขนาดของผู้ใช้งาน และปริมาณข้อมูลที่เพิ่มขึ้น หากผู้ใช้ต้องการลดปริมาณข้อมูลก็สามารถปรับให้เหมาะสมได้เช่นกัน

- ผู้ใช้งานสามารถทำการออกแบบหรือปรับเปลี่ยนระบบ PMRP ร่วมกับผู้พัฒนาได้ตามความต้องการ เพื่อให้เหมาะสมกับธุรกิจโดยเฉพาะเจาะจง

เชื่อมโยงข้อมูลได้จากระบบต่าง ๆ ในโรงงานได้อย่างไม่จำกัด เช่น อุปกรณ์ IOT: QR Code scanner, Printer, Digital weight. etc.

Smart-Building / Smart-City

แพลตฟอร์มที่จัดการระบบทั้งหมดใน One place เช่น สัญญาณเตือนไฟไหม้ กล้องวงจรปิด เป็นแพลตฟอร์ การบังคับใช้มาตรฐานขั้นตอนการดำเนินงาน (Smart SOP : Standard Operation Procedure) ช่วยลดการสื่อสารผิดพลาด และการแนะนำการปฏิบัติงาน (Smart Guidance) เหมาะกับลูกค้าที่มีอาคารหรือพื้นที่ขนาดใหญ่ที่มีคนจำนวนมาก

Tracking

ในกระแสการสืบค้นย้อนหลัง (Traceability) ที่เริ่มเข้ามามีบทบาทต่อสินค้าและบุคลากรในบางพื้นที่ ใช้ในการตรวจสอบทรัพย์สิน สินค้าต่าง ๆ ว่ามีแหล่งที่มาจากที่ใด รวมไปถึงช่วยค้นหาว่าทรัพย์สินนั้น อยู่ในพื้นที่ หรือจุดใดบ้าง ลดความสูญหายที่จะเกิดขึ้นได้ รวมถึงสามารถตรวจสอบได้อย่างรวดเร็ว และนำมาใช้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดของสินค้านั้น ๆ

MFEC

as professional

MFEC เป็นผู้ประกอบการที่มีศักยภาพและคุณสมบัติดังกล่าวอย่างครบถ้วน และด้วยบริการที่ออกแบบมาให้เหมาะสมกับโรงงานอุตสาหกรรมในประเทศไทย ทางบริษัทจึงมั่นใจว่าจะสามารถพัฒนาองค์กรของลูกค้า บริหารจัดการงานด้าน IT ในระยะยาว ให้พร้อมรับกับการเปลี่ยนแปลงทางโลกดิจิทัลที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้เป็นอย่างดี