ราวปี พ.ศ. 2554 ชายหนุ่มหน้าทะเล้น ผิวคล้ำ รูปร่างผอมบาง ที่เรียนจบเพียงเเค่ชั้น ม.6 กำลังจัดโต๊ะและชงเหล้าอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าในบาร์แห่งหนึ่ง ณ จังหวัดเชียงใหม่
ไม่น่าเชื่อว่าปฏิทินเดินหน้ามาเพียง 5 ปี หนุ่มคนเดียวกันกำลังถูกยกย่องให้เป็นศิลปินสุดครีเอท ในฐานะเจ้าของเฟซบุ๊กเพจ Lowcostcosplay ที่ยืนระยะและต่อยอดความนิยมได้อย่างยาวนานตลอด 3 ปีที่ผ่านมา
บ่ายแก่ๆ ณ ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ย่านทาวน์อินทาวน์ “อนุชา แสงชาติ” วัย 26 ปี เดินมาดเท่ เสยผมสีเขียว นั่งลงบนเก้าอี้ ก่อนเอ่ยปาก “สวัสดีครับ” อย่างเป็นกันเอง เจ้าตัวพร้อมแล้วที่จะถ่ายทอดประสบการณ์และแนวคิดที่ทำให้ชีวิตวันนี้ของเขาแตกต่างไปจากครั้งอดีตอย่างสิ้นเชิง
อนุชา ย้อนอดีตให้ฟังว่า เขาเป็นเด็กกำพร้าที่อาศัยอยู่กับคุณยายและความเหงาที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยบันดาลรอยยิ้มแห่งความสุขให้ตัวเองในแต่ละวันด้วย “จินตนาการ”
“ช่วงนั้นเวลาอยากเล่นสนุกก็ต้องเล่นคนเดียว สร้างภาพมนุษย์อีกคนขึ้นมา คบหาพัฒนาความสัมพันธ์กับใคร ก็มีจินตนาการเข้ามาเกี่ยว เพราะผมชอบใช้มัน ตั้งเเต่สร้างบทสนทนาให้คนสนใจด้วยการเล่านิทาน ใช้คำศัพท์ในเกมร่วมกับชีวิตจริง มันสนุกดี”
หนึ่งในเรื่องน่าเสียดายครั้งอดีตของเจ้าตัวก็คือ การศึกษา ที่ยอมรับว่าคิดน้อยไป มองเป็นเรื่องเสียเวลา ไม่คุ้มค่า เมื่อเทียบกับการออกไปทำงานสร้างเม็ดเงินที่จับต้องได้อย่างแท้จริง
“เป็นคนขี้เกียจไม่ชอบอ่านหนังสือ ไม่ชอบเรียน จบ ม.6 ก็ตัดสินใจออกมาอยู่คนเดียว พร้อมมอเตอร์ไซค์หนึ่งคัน คิดแค่ว่าเรียนทำไม เสียเวลาว่ะ ไปเป็นเด็กเสิร์ฟดีกว่า ได้เงินแถมยังได้กินเหล้าฟรีด้วย บางวันได้เป็นพัน สบายๆ เก็บตังค์ดีกว่า แต่ทำไปทำมาไม่มีเงินเก็บ ชิบหายเลยทีนี้ ชีวิตช่วงนั้นเลวมาก เล่นพนงพนัน เข้าบ่อน จนหมดเนื้อหมดตัว นอนในบ่อนก็ทำมาแล้ว”
ความล้มเหลวในชีวิตที่เชียงใหม่ ผลักดันให้เจ้าตัวเดินทางเข้าสู่กรุงเทพมหานครเพื่อหวังเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเองอีกครั้งและให้ตายเถอะครับ…ใครจะเชื่อว่าผลงานความฮาสุดครีเอทที่ได้เห็นอย่างต่อเนื่อง มีที่มาจากความเหงา ขณะนั่งทำงานในบ้านพักคนชรา
“มีวันนึงผมนั่งเหงาๆ มองไปที่กองเสื้อผ้าของคุณตาคุณยาย ดันนึกอะไรไม่รู้ หยิบผ้าขนหูสีแดงขึ้นมา คลุมตัว เบ่งกล้าม คิดถึงชาวสปาตัน จากหนังเรื่อง 300 เดินไปส่องกระจก เฮ้ยใช่ว่ะ นี่มันลีโอไนดัส ชัดๆ ผมก็นึกขำๆ ถ่ายภาพลงเฟซบุ๊ก โดยไม่รู้จักด้วยซ้ำว่า มันเรียกว่า คอสเพลย์ ”
ภาพดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป เพื่อน ๆ ของเขาพากันส่งเสียงหัวเราะและเข้ามาคอมเม้นท์ ยุยงส่งเสริมให้เดินหน้าสร้างผลงานต่อไป จนเกิดเป็นเพจ Lowcost cosplay ซึ่งหมายถึง การนำสิ่งของใกล้ตัว ต้นทุนต่ำมาใช้ และไม่นานชีวิตมนุษย์เงินเดือนหลักพันของเขาก็ถูกเเทนที่ด้วยเม็ดเงินหลักหมื่น กระทั่งเเสนในปัจจุบัน
“เพจนี้พลิกชีวิตผมมหาศาล จนตัดสินใจลาออกจากงานประจำที่บ้านพักคนชรา ในปี 2557 มุ่งหน้าเอาดีทางด้านนี้เลย ได้รู้จักเพื่อนใหม่มากมาย มีชีวิตดีขึ้น จากเงินเดือน 7,000 บาท กลายเป็นทำงานเพียงไม่กี่ชั่วโมง โพสต์เดียวผมก็ได้เงินเป็นหมื่น บางทีเป็นแสนจากบริษัทโฆษณาต่างๆ ผิดกับทำงานมนุษย์เงินเดือนผมอาจจะต้องรอทั้งเดือนหรือทั้งปีถึงจะได้เท่านั้น ที่สำคัญคืองานนี้ไม่มีใครบังคับ ผมทำในสิ่งที่ชอบและเป็นตัวเองจริงๆ”
ความโดดเด่นไม่ใช่แค่เมืองไทยแต่ชายังได้รับการยกย่องจากต่างประเทศมากมาย เว็บไซต์ชื่อดังอย่าง 9gag.com เคยรวบรวมผลงานคอสเพลย์ของเขาไปนำเสนอมาแล้ว แต่แม้จะโด่งดังจนมีช่องทางหาเงินมากมาย เขายืนยันว่า ไม่เป็นปัญหากับตัวตนและผลงาน เมื่อเต็มใจที่จะลงทุนกับไอเดียเเละความคิดเพื่อตอบสนองอารมณ์ของคนทั่วไปมากกว่าทำงานเพื่อรับเงินเพียงอย่างเดียว
“อยู่ที่การจัดการ เงินเราก็อยากได้ ความสุขก็อยากได้ ตัวตนก็ไม่อยากเสียไป มันอยู่ที่เราเลือก จะชั่งน้ำหนักแบบไหน เรื่องนี้มันแล้วแต่คนว่าจะมองชีวิตเป็นแบบไหน ผมมองว่า เงินก็สำคัญแต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการเป็นที่ยอมรับ เลยเน้นไปที่ผลงานมากกว่า บางทีได้เงินมาผมยังเอาไป Boost Post เพื่อให้คนเห็นผลงานมากขึ้น คืออยากให้คนเห็นผลงานเราเยอะๆ มากกว่าได้เงินมากๆ เสียอีก ให้เครดิตในเรื่องความสำเร็จของผลงาน มากกว่า รายได้ มนุษย์เรามีวิธีการหาเงินที่ไม่เหมือนกันแต่เรามองไปไกลกว่านั้น ความสุขของเราคือการได้รับการยอมรับด้วย”
วิธีลับคมความคิดของชาคือ การศึกษาดูงาน เปิดกว้างต่อการเรียนรู้สิ่งต่างๆ จากทั่วโลก ก่อนนำมาประยุกต์ ดัดแปลง พัฒนาในแบบตัวเอง จนกลายเป็นสิ่งใหม่ๆ ต่อไป
“โลกทุกวันนี้ไม่มีคนคิดอะไรใหม่ได้หรอก มันต้องพึ่งพาอาศัยกัน มองคนอื่นแล้วดัดแปลง เป็นแบบเราเพื่อพัฒนาไปสู่สิ่งใหม่ เอา 1+2 2+3 3+4 แล้วก็ 4+10 อะไรทำนองนี้ไปเรื่อย อย่างผม เมื่อก่อนคอสเพลย์ตลกๆ แต่ตอนนี้เริ่มเอาหลักวิทยาศาสตร์มาผสม เอาหลักทุกอย่างที่มีในโลกนี้ที่มีเทคนิคต่างๆ เอามานำเสนอในแบบที่เราถนัด คนก็จะเข้าใจง่ายมากขึ้น”
เส้นทางชีวิต 3 ปีที่ผ่านมา จากความเหงา สู่ความฮา และเม็ดเงินที่สามารถหล่อเลี้ยงชีวิตได้ไม่ยาก นาทีนี้เขากำลังตั้งเป้าเดินหน้าพุ่งทะยานความคิดสร้างสรรค์ของตัวเองให้กลายเป็นนักโฆษณาที่เต็มไปด้วยไอเดียและความคิดเจ๋งๆ อันทรงพลังเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค
“วิธีคิดเราเปลี่ยนแปลงไปจากช่วงที่เริ่มทำใหม่ๆ รู้จักอะไรต่างๆ มากขึ้น ตั้งแต่กระบวนการทำงานไปจนถึงการนำเสนอ ทำให้เรามีวิธีคิดในการผลิตให้ซัคเซสมากขึ้น ที่ผ่านมามันคือการลองผิดลองถูกไง แต่วันนี้มันมองเห็นเส้นทางที่ซัคเซสชัดเจนกว่าเดิม รู้ว่าถ้าไปทางนี้อาจจะเสียเวลา ไปแบบนี้ซักเซสกว่า หลังจากที่เราได้รับรู้และสัมผัสกับคน รู้ว่าคนต้องการอะไร และมันทำให้เป้าหมายวันนี้ของผม เริ่มสนใจไปที่การครีเอทงานโฆษณาการตลาดให้กับสินค้าต่างๆ มันสนุกมากที่ได้คิดให้ตรงกับใจคนและขายได้”
ก่อนเช็กบิลแยกย้ายกัน ดาวเด่นในโลกออนไลน์ที่มีผู้ติดตามกว่า 1 ล้านคน ทิ้งท้ายว่า อย่ามัวแต่กลัว คิดแล้วต้องกล้าทำ ไม่เช่นนั้นก็จะไม่มีใครเห็นผลงานหรือความคิดของคุณอีกต่อไป ไอเดียไม่มีวันหมดก็จริง แต่เวลาที่เสียไปนั้นนำกลับคืนมาไม่ได้