Skip links
View
Drag

MFEC

How AI in post-ChatGPT era will change the way we work 

March 2023 marks one of significant moments in AI development and real-life implementation. Only a few months after OpenAI launched ChatGPT, many people saw opportunities and noticed drastic changes in the way they work. Both Google and Microsoft also rushed in to catch up with the trend and announced the addition of AI capabilities to their services.  The massive changes in the way people work have happened multiple times since the 1980s. There was the introduction of the PC that enabled small businesses to use computers, which dramatically increased their work efficiency. There was the launch of smartphones which paved the way for new businesses such as application streaming, ride services, and food deliveries. Cloud services democratized access to high-quality infrastructure for all businesses when they began around 2000.  The launch of Microsoft 365 Copilot is a significant indication that the way we work with computers has changed forever. We have

MFEC

MFEC

MFEC attending meeting
on IDA Platform 
(Industrial IoT and
Data Analytics Platform)

MFEC along with Plastic Institute of Thailand (PITH) and Thai IoT Association (Thai-IoT) attended a meeting on “IDA-100 Industrial Technology Platform” held by Sustainable Manufacturing Center (SMC). The project promotes the use of IDA Platform or Industrial IoT and Data Analytics Platform to develop Thai industry to be able to compete internationally.   IDA Platform is one of important pioneering SMC projects happened from the collaboration between ARIPOLIS-SMC and the private and public sector alliance. The platform analyzes and integrates data from IoT devices which track signals from industrial machines. Examples of its features are real-time display of energy consumption of industrial machines, analysis of macro data to create a precise strategy for national energy management, and demand response energy management which informs the condition of the machine to be able to create an effective and energy-saving manufacturing process that meets the urgent demands to adapt of SME in the manufacturing

MFEC

MFEC

MFEC เตรียมสร้างนวัตกรรมที่ยั่งยืน หลังรับดีลใหญ่จาก Bluebik

บริษัท เอ็ม เอฟ อี ซี จำกัด (มหาชน) ดำเนินการขายหน่วยธุรกิจ Digital Delivery ที่ดูแลในส่วนงาน Customize Software Development ของบริษัท ให้กับ บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) การดำเนินการในครั้งนี้ถือเป็น Win – Win Situation ที่บริษัท เอ็ม เอฟ อี ซี จำกัด (มหาชน) จะนำผลตอบแทนที่ได้รับมาเสริมสถานะของความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ เพื่อพิจารณาลงทุนในการสร้างนวัตกรรมให้มีการเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป บริษัท เอ็ม เอฟ อี ซี จำกัด (มหาชน) ได้ส่งผ่านธุรกิจครั้งนี้ด้วยการจัดตั้ง บริษัท วัลแคน ดิจิทัล เดลิเวอรี่ จำกัด (“VDD”) โดยผู้บริหารและทีมงานชุดเดิมยังคงให้การบริการกับลูกค้าเดิมร่วมกัน ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญในการเข้ารับงานสาย Consult และธุรกิจใหม่ ๆ ในอนาคต กระบวนการจัดตั้งบริษัทใหม่จะแล้วเสร็จภายในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2566 ซึ่งบริษัท วัลแคน ดิจิทัล เดลิเวอรี่ จำกัด (“VDD”) จะถูกถือหุ้น 100% โดยบริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) “ทำธุรกิจเหมือนกันไม่จำเป็นต้องแข่งกัน เราสามารถเป็นพันธมิตรช่วยกันต่อยอดความแข็งแกร่ง เพื่อขยายความสามารถไปสู่ตลาดโลกร่วมกัน” คุณศิริวัฒน์ วงศ์จารุกร CEO บริษัท เอ็ม เอฟ อี ซี จำกัด (มหาชน) กล่าวทิ้งท้าย อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม : Click คำถามที่พบบ่อย : Click

MFEC

MFEC

Ngern Tid Lor Joins Force with Apigee and MFEC to Fully Enter the New Digital Platform

Ngern Tid Lor Company is preparing to introduce a new platform model using the Apigee system, which is an API Gateway, a Google’s product that handles various requests before delivering them to the application server. During this collaboration, Ngern Tid Lor Company has also partnered with MFEC Public Company Limited for the consultation, development, as well as setting up a comprehensive computer systems and information network for the new platform development.  Get to Know Ngern Tid Lor Company Ngern Tid Lor Company is a comprehensive loans business that uses vehicle license plates as collateral as well as an insurance brokerage with the most branches in Thailand. While this loans and insurance brokerage are the top business in Thailand, Ngern Tid Lor Company is also a part of MUFG, which is the largest financial institution in Japan and a leading financial institution group in the world as well.  Ngern Tid Lor’s

MFEC

MFEC

Tags

VMware Virtual SAN เข้ามาพลิกโฉม Hyper-Converged Infrastructure ได้อย่างไร?

ณ ตอนนี้แทบทุกองค์กรต่างหันมาให้ความสำคัญกับเทคโนโลยี HCI หรือ Hyper-Converged Infrastructure ซึ่งมีส่วนประกอบหลักๆ คือ Software-Defined Compute and Software-Defined Storage บทความนี้จะชี้ให้คุณเห็นว่า HCI คือเป็นแนวทางขององค์กรคุณหรือไม่ และหากคุณจะเริ่ม คุณจะต้องคำนึงถึงเรื่องอะไรบ้าง คำถาม classic ที่เกี่ยวกับ Server แทบทุกองค์กรตั้งขึ้นไม่พ้นคำถามเรื่องปัญหาการแชร์เนื้อที่ดิสก์จัดเก็บข้อมูล ให้เกิดเป็น Pool Capacity Resource ในกรณีที่เกิดขึ้น เช่น Server A มีการใช้งานเนื้อที่สูงจนเกือบเต็มแล้ว แต่ไม่สามารถขยายเพิ่มเติมได้ ในขณะที่ Server B มีเนื้อที่เหลืออยู่มาก และต้องการนำเอาเนื้อที่ disk ของ Server B ไปให้กับ Server A หรือแม้กระทั่งในกรณีที่ Server หยุดทำงาน  และต้องการกู้คืนข้อมูลและสามารถใช้ Server สำรองช่วยทำงานแทน ซึ่งทางออกเดิมคือการใช้ Storage Area Network หรือ SAN ซึ่งสามารถจัดการเนื้อที่ของ Server ได้ตามต้องการ แต่ด้วยทางเลือกใหม่ที่เกิดขึ้น คือ เทคโนโลยี Hyper-Converged Infrastructure ซึ่งประหยัดค่าใช้จ่ายมากถึง 80% เมื่อเปรียบเทียบกับ SAN และยังมีความโดดเด่นกว่า เนื่องจากสามารถปกป้องข้อมูล โดยมีการทำงานแบบ Native HA ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของระบบที่จุดเดียว (Single Point of Failure) และไม่มีผลกระทบกับระบบในวงกว้าง From Traditional Infrastructure to Hyper-Converged Infrastructure Credit: http://www.helixstorm.com องค์กรของคุณเหมาะสมกับ Hyper-Converged Infrastructureหรือไม่1) คุณมีความต้องการใช้ VDI (Virtual Desktop Infrastructure)2) คุณใช้งาน Virtualization ผ่าน IP Network โดยต้องการแชร์ resources และใช้งานแบบ Cluster ระบบเพื่อสามารถใช้งานได้ต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่มีผลกระทบกับการทำงาน3) คุณมีสำนักงานสาขา (Branch Office)4) คุณกำลังมองหา Infrastructure สำหรับสร้าง Private Cloud ที่มีประสิทธิภาพเพื่อคุ้มค่ากับการลงทุน อันที่จริงความคิดพื้นฐานของ HCI นั้นมี vendor หลากหลายบริษัทได้ออก product มาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการ โดยแต่ละ vendor เองก็มีแนวคิดในการต่อยอดที่แตกต่างกันออกไป แต่หากต้องการจะตอบโจทย์ระดับองค์กรแล้ว VMware vSphere นั้นก็ถือเป็นเทคโนโลยี Virtualization และ Hypervisor ที่เหมาะสมที่สุดในเวลานี้ ในขณะที่  VMware Virtual SAN (vSAN) เองที่ถูกพัฒนาขึ้นมาให้สามารถทำงานร่วมกับ VMware vSphere ได้ในระดับ Kernel และยังทำงานได้เสมือนเป็นระบบเดียวกัน จึงง่ายสำหรับการต่อยอดการใช้งาน ไม่ใช่เพียงแต่ VMware vSphere  ที่สามารถทำงานร่วมกันได้เท่านั้น VMware vSAN ยังรองรับ Server รุ่นใหม่ๆ

MFEC

MFEC

Playtorium’s Application on AWS

Playtorium Solutions as a Software Engineering and Business consulting company, provide a full spectrum of digital and IT solutions for customers. Playtorium have a potential, experienced, and committed team to work with customers with the motto “Speed x Quality”  Playtorium Solutions started in Software Quality Control, then registered as a company on December 15, 2016, that operates a full range of IT Solutions businesses including Software Development, Software Testing, Data Information, and Including ready-made software such as Ximpler (Moblie Automation Testing Tools) and Playlivery (food delivery platform).  Playtorium’s Application on AWS  – Online proctored exam by applying online meeting solution from Amazon Chime – Video recognition during exam sessions and Image recognition for authentication by Amazon In the future, Playtorium expects to apply AWS services and features to develop more products in a wider range of areas and business sectors. In accordance with MFEC, AWS solution partner, we provide support, technical consultant, and architecture design consultation for deliver best practice to customers.

MFEC

MFEC

Robinhood จับมือ Google Cloud และ MFEC

สร้าง “Super App” แรกในไทย ปลดล็อกโอกาสในการเติบโตรอบด้านสำหรับทุกฝ่าย  Robinhood ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มจัดส่งอาหารในกรุงเทพฯ และบริการด้านการเดินทางครบวงจรภายใต้ SCBX Group โดยมีบริษัท เพอร์เพิล เวนเจอร์ส จำกัด เป็นบริษัทในเครือ ได้ประกาศเปิดตัวเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับ Google Cloud และบริษัท เอ็ม เอฟ อี ซี จำกัด (มหาชน) (“MFEC”) เพื่อขับเคลื่อนภารกิจในการสร้าง “Super App” ของประเทศไทยที่มอบโอกาสในการเติบโตรอบด้านให้แก่เจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก ไรเดอร์ส่งอาหาร รวมถึงผู้ใช้มากมายทั้งในและนอกเมืองใหญ่ Robinhood ปรับใช้นโยบายค่าคอมมิชชัน 0% เพื่อมอบส่วนแบ่งรายได้ที่มากขึ้นให้แก่เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กและไรเดอร์ ซึ่งจะช่วยลดความยากลำบากทางการเงินที่ผู้ประกอบธุรกิจด้านอาหารและเครื่องดื่มในท้องถิ่นพบเจอในช่วงโควิด-19 และสนับสนุนการฟื้นฟูเศรษฐกิจของภาคส่วนการท่องเที่ยวในประเทศ โดยความร่วมมือดังกล่าวจะช่วยผลักดันรูปแบบธุรกิจของ Robinhood ปรับโครงสร้างพื้นฐานทางไอทีขององค์กรให้ทันสมัย ยกระดับประสบการณ์ของผู้ใช้ด้วยระบบอัจฉริยะที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล และร่วมกันสร้างบริการดิจิทัลใหม่ต่อไป คุณธนา เธียรอัจฉริยะ ประธานกรรมการบริษัท เพอร์เพิล เวนเจอร์ส จำกัด (Robinhood) กล่าวว่า “รูปแบบธุรกิจที่แตกต่างของ Robinhood ช่วยให้เราสามารถสร้างรายได้จากบริการอิสระอื่นๆ เช่น การให้สินเชื่อแก่บุคคลธรรมดาในระบบนิเวศของเรา แทนที่จะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมแพลตฟอร์มจากเจ้าของโรงแรมและร้านอาหารขนาดเล็กซึ่งเป็นการตัดรายได้ของผู้ให้บริการเหล่านี้ การมีไรเดอร์ 30,000 รายที่รองรับร้านอาหาร 225,000 แห่งและโรงแรมอีก 16,000 แห่งอยู่ในแพลตฟอร์มทำให้ Robinhood กลายเป็นแอปพลิเคชันอาหารและการเดินทางที่ผู้ใช้ 2.8 ล้านรายเลือกใช้ เราร่วมมือกับ Google Cloud และ MFEC โดยหวังว่าจะต่อยอดผลตอบรับที่เพิ่มมากขึ้นบนแพลตฟอร์มของเราใน 20 เดือนที่ผ่านมา และเร่งขยายบริการสู่แวดวงการทัวร์ การเช่ารถ และการจองเที่ยวบิน รวมถึงบริการจัดส่งของชำและพัสดุด่วน โดย Super App ตอบสนองความมุ่งมั่นตั้งใจของเราที่จะสนับสนุนผู้ให้บริการขนาดเล็กและช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจในระดับรากหญ้า” คุณสีหนาท ล่ำซำ CEO ของบริษัท เพอร์เพิล เวนเจอร์สจำกัด (Robinhood) กล่าวว่า “Robinhood เป็นแพลตฟอร์มที่ดำเนินการบนระบบคลาวด์มาโดยตลอด ทั้งนี้ นับตั้งแต่ที่เราเริ่มเห็นความต้องการบริการของเราเพิ่มขึ้นแบบทวีคูณ ก็เป็นที่แน่ชัดว่าเราต้องการโครงสร้างพื้นฐานที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นเพื่อช่วยให้เราเติบโตในแนวทางที่ประหยัดค่าใช้จ่ายและยั่งยืน เราเลือก Google เนื่องจากมีโครงสร้างพื้นฐานของระบบคลาวด์สำหรับข้อมูลที่เหนือกว่า ซึ่งปราศจากการปล่อยก๊าซระหว่างดำเนินการ และมีประสบการณ์มากมายในการเชื่อมโยงโลกเข้าไว้ด้วยกัน รวมถึงมีความเชี่ยวชาญในการสร้างแพลตฟอร์มและระบบนิเวศแบบเปิดกว้าง ความสามารถเหล่านี้บวกกับความเชี่ยวชาญด้านการใช้งานและการให้คำปรึกษาทางเทคนิคของ MFEC จะยกระดับความสามารถของเราในการสร้างคุณค่าให้กับสังคมไปพร้อมๆ กับการมุ่งมั่นพัฒนาเพื่อความยั่งยืน” โดยพันธมิตรเชิงกลยุทธ์จะยึดพื้นฐานหลัก 5 ประการดังนี้ 1. การพัฒนาผู้ที่มีทักษะและวัฒนธรรมที่นำไปสู่การสร้างสรรค์นวัตกรรม: Robinhood, Google Cloud และ MFEC จะสร้างศูนย์ส่งเสริมการใช้งานระบบคลาวด์ (CCoE) ซึ่งประกอบไปด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านสถาปัตยกรรมระบบคลาวด์ การจัดการข้อมูล และการพัฒนาแอปพลิเคชันให้ทันสมัยเพื่อส่งเสริมให้เกิดวัฒนธรรมที่คล่องตัวในหน่วยธุรกิจของ Robinhood และเร่งสร้างนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ พนักงานของ Robinhood จะได้ประโยชน์จากโปรแกรมการรับรองและการเพิ่มทักษะเฉพาะของ CCoE ซึ่งใช้หลักสูตรเดียวกันกับที่ Google ใช้เพื่อฝึกอบรมผู้เชี่ยวชาญทางเทคโนโลยีของตนเอง พนักงานเหล่านี้จึงมีความรู้ความสามารถเพียบพร้อมในการจัดการการติดตั้งใช้งานระบบคลาวด์ขนาดใหญ่ รวมถึงใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และแมชชีนเลิร์นนิง (ML) เพื่อแก้ไขปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจเป็นอย่างมาก 2. การปรับปรุงคุณภาพของบริการดิจิทัล: การย้ายระบบลงในโครงสร้างพื้นฐานแบบคาร์บอนสมดุลที่รองรับการปรับขนาด ปลอดภัย และเปิดกว้างของ Google Cloud ทำให้ Robinhood สามารถให้บริการในระบบนิเวศของตนเองอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นและลดรอยเท้าคาร์บอนของภาระงานในทีมไอที จากนั้น CCoE จะใช้ประโยชน์จาก Microservices และการสนับสนุน Google Play Store ที่ขยายความครอบคลุม เพื่อให้แอปพลิเคชันของลูกค้าและไรเดอร์ของ Robinhood ยังคงมีประสิทธิภาพ เสถียร และใช้งานง่าย แม้ว่าจะมีการเพิ่มบริการใหม่ๆ และมีผู้ใช้ในปริมาณมากก็ตาม 3. การมีส่วนร่วมที่เจาะจงมากขึ้นของผู้ใช้: CCoE จะสร้างและจัดการเครื่องมือสำหรับข้อมูลอัจฉริยะโดยใช้เทคโนโลยี ML,

MFEC

MFEC